>

วิธีล้างหัวพิมพ์ printer canon

วิธีล้างหัวพิมพ์ printer 
ล้างหัวพิมพ์

วันนี้ โปรแกรมเมอร์กากกาก จะมาสอนการล้างหัวพิมพ์ printer canon กันนะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มกันเลย

ขั้นตอนที่ 1
    คลิกเมนู start เข้าไปที่ Devices and printers ดังรูปภาพ

วิธีล้างหัวพิมพ์ printer canon


ขั้นตอนที่ 2

         คลิกขวา แล้วเลือก Printing preferences ดังภาพ
วิธีล้างหัวพิมพ์ printer canon


ขั้นตอนที่ 3
   เลือกแทบ Maintenace และเลือก Cleaning ดังภาพ

วิธีล้างหัวพิมพ์ printer canon

ขั้นตอนที่ 4
   คลิกเลือก  Execute และรอ เป็นอันเสร็จสิ้นครับ
PHP | VB | HTML | Javascript | JQuery | SQL | Computer | CSSIT

วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet) Wireless วินโดว์ 7(Windows 7)

การแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7)

วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7)



วันนี้โปรแกรมเมอร์กากกาก  จะมานำเสนอวิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7) หรือ การแชร์ Wireless จากโน๊ตบุ๊คเพื่อให้สามารถใช้งานได้หลายเครื่องนั้นเอง เราลองมาดูกันเลยดีกว่านะครับ

ขั้นที่ 1 ของวิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7) 
           ให้เปิดหน้าต่าง Network and Sharing Center โดยการคลิกขวาตามรูป แล้วเลือก Open Network and Sharing Center หรือการคลิกขวาที่ My Network เลือก Properties (ตามภาพด้านล่าง)

วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7)

ขั้นที่ 2 ของวิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7) 
   เมื่อทำตามขั้นตอนที่ 1 จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาตามภาพด้านล่าง พอมาถึงหน้าต่างนี้ให้ทำการคลิกที่ Set up a new connection or network (สี่เหลี่ยมสีแดงตามภาพด้านล่าง )


วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7)


ขั้นที่ 3  ของวิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7) 

ก็จะได้หน้าต่างตามภาพด้านล่างออกมาอีกหนึ่งอัน ให้ทำการคลิกที่ Set up a wireless ad hoc (computer-to-computer) network (ในกรอบสี่เหลี่ยมสีแดงตามภาด้านล่าง)

วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7)

ขั้นที่ 4 ของวิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7) 
         จะได้หน้าต่างแบบนี้(ตามภาพด้านล่าง)ให้ทำการคลิก Next

วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7

ขั้นที่ 5 ของวิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7) 

เมื่อได้หน้าต่างแบบนี้(ตามภาพด้านล่าง)
        5.1 ในช่อง Network name ให้ตั้งชื่อเครือข่าย(ชื่ออะไรก็ได้)
        5.2ในช่อง Security type จะมี No authentication(Open)เลือกเพื่อไม่กำหนัดรหัสผ่าน , WPA2-Pessonal เลือกเพื่อกำหนดรหัสผ่าน

        5.3ในช่อง Security key ให้ใส่รหัสผ่านการใช้ไวเลส (ถ้าเลือกแบบ WPA2-Pessonal) เสร็จแล้วให้ทำการกด Next


วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7)

ขั้นที่ 6 ของวิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7) 
พอมาถึงหน้าต่างนี้ให้ทำการคลิกที่ Turn on Internet connection sharing



วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7)


ขั้นที่ 7 ของวิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7) 
พอมาถึงหน้าต่างนี้ให้ทำการคลิกที่ Turn on Inถ้าขึ้นว่าแบบในรูป แสดงว่าการตั้งค่าการแชร์ Wireless  เสร็จสมบูรณ์ernet connection sharing (ตามภาพด้านล่าง ให้คลิก Close)


วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7)

ขั้นที่ 8ของวิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7) 
      ขั้นที่ 8 นี้เป็นวิธีการเชื่อมต่อ(connect network) Wireless ที่เราทำการแชร์นะครับ

วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7)


ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับบทความ วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet)  Wireless  วินโดว์ 7(Windows 7)   หวังว่าคงเป็นประโยชนะครับ  สำหรับบทความนี้ โปรแกรมเมอร์กากกาก ก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณข้อมูลจาก www.gunoob.com





PHP | VB | HTML | Javascript | JQuery | SQL | Computer | CSSIT

วิธีแก้ IDM(INTERNET DOWLOAD MANAGER)เด้งฟ้อง เด้งเตือน

วิธีแก้ IDM(INTERNET DOWLOAD MANAGER)เด้งฟ้อง Internet Download Manager has been registered with a fake serial number


วิธีแก้ IDM(INTERNET DOWLOAD MANAGER)เด้งฟ้อง Internet Download Manager has been registered with a fake serial number

เบื่อกับการเด้งเตือนของ IDM ใช่ไหมครับ วันนี้ โปรแกรมเมอร์กากกาก มีวิธีแก้ไขมาบอกครับ มีดังนี้



1. กดปุ่ม Start  >> run

2. พิมพ์ regedit

3. เลือกหัวข้อ HKEY_CURRENT_USER

4. เลือกหัวข้อ SOFTWARE

5. เลือกหัวข้อ DOWNLOADMANAGER

6. ค้นหาชื่อ Checkupdtvm

7. ดับเบิ้ลคลิกที่ Checkupdtvm แล้วเปลี่ยน volume เป็น 0

ดังภาพด้านล่างเลยครับ 

วิธีแก้ IDM(INTERNET DOWLOAD MANAGER)เด้งฟ้อง


เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ ขอบคุณข้อมูลจาก www.cscomputer.lnwshop.com





PHP | VB | HTML | Javascript | JQuery | SQL | Computer | CSSIT

Windows7 แก้ปัญหา Set Printer , sharing printer , add printer ไม่ได้ และ Printer Error

Windows7 แก้ปัญหา Set Printer ไม่ได้ และ Printer Error "Windows can’t open Add Printer. The local print spooler service is not running. Please restat the spooler or restart the machine"

Windows7 แก้ปัญหา Set Printer ไม่ได้ และ Printer Error


เวลาใช้งาน Printer Set ไม่ได้ หรือ Error ขึ้นประโยค “Windows can’t open Add Printer. The local print spooler service is not running. Please restat the spooler or restart the machine” มีวิธีแก้ไขดังนี้
Step 1
พิมพ์ services.msc ในช่อง Search ของ Start Menu แล้ว Enter
Step 2
ที่หน้าต่าง Services ให้คลิกขวาที่คีย์ Print Spooler เลือกคำสั่ง “Stop”  (และ start ใหม่อาจได้เลยโดยไม่ตอ้งไป step 3)
Step 3
จากนั้นให้เปิด Windows Explorer แล้วไปตามนี้    “C:\WINDOWS\system32\spool\PRINTERS” แล้วลบไฟล์ใน Folder ให้หมด
Step 4
กลับไปทำ Step 1 กับ Step 2 อีกครั้ง แล้วเลือกคำสั่ง “Start” เสร็จแล้ว Add Printer อีกครั้งก็จะสามารถติดตั้ง Printer ได้
ที่มา : www.nms.rmutp.ac.th








PHP | VB | HTML | Javascript | JQuery | SQL | Computer | CSSIT

วิธีแก้ไวรัส ซ่อนไฟล์ แฟลชไดรฟ์

แก้ไวรัสซ่อนไฟล์ แฟลบไดรฟ์

วิธีแก้ไวรัส ซ่อนไฟล์ แฟลชไดรฟ์


วันนี้ โปรแกรมเมอร์กากกาก  จะมานำเสนอ  วิธีแก้ไวรัส ซ่อนไฟล์ แฟลชไดรฟ์  เรามาลองดูวิธีกันเลยดีกว่านะครับ

1.  เสียบแฟลชไดรฟ์ แล้ว สังเกตุว่า แฟลชไดรฟ์ คุณอยุ๋ที่ไดรฟ์ไหน
     ยกตัวอย่างเช่น ของผม อยู๋ไดรฟ์ H:

2. หลังจากนั้น เข้าไปที่ Command Propmt โดยการ
   เข้าไปที่ Start —> Run —–> แล้วพิมคำว่า cmd แล้วกด Enter
  หรืออีกวิธี
  เข้าไปที่ Start —>Programs—–>Acessories——>Command Propmt
 จะเข้าหน้าจอดังนี้
C:\Users\WIN-7> (บางคนอาจไม่เหมือนกัน แต่ไม่ต้องสนใจ)

3. ให้เราพิมพ์ คำสั่ง เพื่อสลับไปที่ ไดรฟ์แฟลชไดรฟ์ เช่น แฟลชไดรฟ์ผมอยุ่ H:
C:\Users\WIN-7> h: <—– พิม h: แล้วกด Enter

จะมาขึ้นดังนี้

H:\>
(อันนี้ แล้วแต่ว่า แฟลชไดรฟ์ คุณอยู่ ไหน ถ้า อยู๋ที่ G: ก็พิมพ์ g: )
หลังจากนั้นเป็นส่วนสำคัญคือการ ใส่คำสั่งAttribute

H:\> attrib *.* -s -h -a -r /d /s (เว้น ช่องไฟด้วยนะครับ)

แล้วรอซํกครู่ ให้มันทำงานจนกลับไปที่

H:\>

หลังจากนั้นให้กลับไปดูที่แฟลชไดรฟ์คุณ จะเห็นว่า ไฟล์ที่ซ่อนไว้ถูกแสดงหมด




PHP | VB | HTML | Javascript | JQuery | SQL | Computer | CSSIT

PHP DELETE ข้อมูล


PHP DELETE ข้อมูล 

PHP DELETE ข้อมูล

วันนี้โปรแกรมเมอร์กากกาก  จะมานำเสนอการ DELETE ข้อมูล ของ PHP  บทความนี้เป็นการเขียน Code ต่อเนื่องจากบทความ  PHP connect Database และ Select ข้อมูลเบื่้องต้น    ซึ่งหลังจากที่เรา Select ข้อมูลจากฐานข้อมูลขึ้นมาโชว์แล้วนั้น  เราจะทำการ ลบข้อมูล  ที่เราได้ Select ขึ้นมา  เราลองมาดูกันเลยดีกว่านะครับ

จาก Code SELECT ข้อมูลเดิม  สงสัย  คลิก


<!DOCTYPE html PUBLIC "-//W3C//DTD XHTML 1.0 Transitional//EN" "http://www.w3.org/TR/xhtml1/DTD/xhtml1-transitional.dtd">
<html xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml">
<head>
<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8" />
<title>Untitled Document</title>
</head>

<body>
<?php 
mysql_connect("localhost","root","root") or die ("ไม่สามาติดต่อได้");
mysql_select_db("data_student");
mysql_query("SET NAMES UTF8");//ให้รู้จักว่าเป็น utf8


$sql = "SELECT * FROM student;";
$result = mysql_query($sql);
if(!$result){
echo "ผิดพลาดในการอ่านฐานข้อมูล";

}
else if(mysql_num_rows($result)==0){
echo "ไม่มี่ฐานข้อมูล";
}
else {
echo "<table border=1 cellpadding=3>";
while ($data = mysql_fetch_array($result)) {
echo "<tr>";
echo "<td>{$data['id_student']}</td><td>{$data['name']}</td>
          <td>{$data['lastname']}</td> <td>{$data['address']}</td>
  <td>{$data['id_teacher']}</td>";
echo "</tr>";
}

echo "</table>";
}
?>

</body>
</html>


เราก็ทำการเพิ่มช่องลบข้อมูลมาอีก  1 ช่อง   ซึ่งทำการแทรก Code ลงไปดังนี้


<?php 
mysql_connect("localhost","root","root") or die ("ไม่สามาติดต่อได้");
mysql_select_db("data_student");
mysql_query("SET NAMES UTF8");//ให้รู้จักว่าเป็น utf8


$sql = "SELECT * FROM student;";
$result = mysql_query($sql);
if(!$result){
echo "ผิดพลาดในการอ่านฐานข้อมูล";

}
else if(mysql_num_rows($result)==0){
echo "ไม่มี่ฐานข้อมูล";
}
else {
echo "<table border=1 cellpadding=3>";
while ($data = mysql_fetch_array($result)) {
echo "<tr>";
echo "<td>{$data['id_student']}</td><td>{$data['name']}</td>
          <td>{$data['lastname']}</td> <td>{$data['address']}</td>
    <td>{$data['id_teacher']}</td>
<td><a href = \"del.php?del={$data['id_student']}\" onclick=\"return confirm('คุณต้องการจะลบข้อมูลนักเรียน ใช่  หรือ ไม่?')\" >ลบ</a>  </td>

</tr>";
}

echo "</table>";
}

if($_GET['del']){
$sql = "DELETE FROM student WHERE id_student = '".$_GET["del"]."' ";
$result = mysql_query($sql);
if(!$result){
echo "Delete Error [".mysql_error()."]";
}else{
echo '<script type="text/javascript">window.location="del.php";</script>';
}
}
?>

ผลลัพจากการรัน CODE ข้อต้น


PHP DELETE ข้อมูล


 เมื่อคลิกที่คำว่า  ลบ จะมี popup ขึ้นมาถามดังภาพ


popup PHP DELETE ข้อมูล


Popup นี้ มีผลมาจาก Code  

onclick=\"return confirm('คุณต้องการจะลบข้อมูลนักเรียน ใช่  หรือ ไม่?')\" 

ซึ่งเป็น JavaScript สำหรับ Confirm กับ USER   เมื่อตอบว่า  ไม่  ระบบจะไม่ทำอะไร จะอยุ่เดิม  แต่เมื่อ User ตอบว่า ใช่  โปรแกรมจะไปทำงานที่เงื่อนไขโปรแกรม $GET['del']  ดัง Code ต่อไปนี้

if($_GET['del']){
$sql = "DELETE FROM student WHERE id_student = '".$_GET["del"]."' ";
$result = mysql_query($sql);
if(!$result){
echo "Delete Error [".mysql_error()."]";
}else{
echo '<script type="text/javascript">window.location="del.php";</script>';
}
}

ซึ่งโปรแกรมก็จะทำการลบข้อมูลโดยอ้างจาก id_student ซึ่งได้จากค่า GET ใน Code

del.php?del={$data['id_student']}\

และเมื่อโปรแกรมทำการลบข้อมูล  สมชาย เข็มเล็ก ก็จะหายไปดังภาพ


PHP DELETE ข้อมูล



ทิ้งท้ายสำหรับ PHP  DELETE  ข้อมูล 


สำหรับบทความนี้  โปรแกรมเมอร์กากกาก หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อท่านที่สนใจกำลังเริ่มต้นศึกษา  PHP  นะครับ  หากติดขัดตรงไหนสามารถ comment สอบถามได้เลยนะครับ  ถ้าไม่ติดขัดอะไรก็ comment มาเพื่อเป็นกำลังใจทาง โปรแกรมเมอร์กากกาก ก็ได้นะครับ  สำหรับ PHP DELETE ข้อมูล ก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้ครับ


PHP | VB | HTML | Javascript | JQuery | SQL | Computer | CSSIT

PHP เบื้องต้น

PHP เบื้องต้น

PHP เบื้องต้น

กลัมาอีกครั้งกับ โปรแกรมเมอร์กากกาก  วันนี้จะมาเสนอเรื่อง PHP เบื้องต้น ย้ำว่าเบื้องต้นจริงๆนะครับ ใครที่ทราบแล้วก็ข้ามไปเลย  บทความนี้ไปเจอมาในเว็บบล็อกแห่งหนึ่ง  ก็น่าสนใจดี เพราะบางคนอาจจะเขียนเป็นแล้วแต่ยังไม่ทราบที่มา โปรแกรมเมอร์กากกากจึงนำบทความนี้มาลงและแก้ไขเพิ่มเติมบ้าง  เพื่อเอาไว้เตือนความจำของ โปรแกรมเมอร์กากกากเอง ด้วย แล้วมาดูกันเลยดีกว่านะครับ (ส่วนที่มา จะบอกท้ายบทความนะครับ)

               ความเป็นมาของ PHP (PHP Hypertext Preprocessor)

PHP เกิดในปี 1994 โดย Rasmus Lerdorf โปรแกรมเมอร์ชาวสหรัฐอเมริกาได้คิดค้นสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาเว็บส่วนตัวของเขา โดยใช้ข้อดีของภาษา C และ Perl เรียกว่า Personal Home Page และได้สร้างส่วนติดต่อกับฐานข้อมูลชื่อว่า Form Interpreter ( FI ) รวมทั้งสองส่วน เรียกว่า PHP/FI ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นของ PHP มีคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเขาแล้วเกิดชอบจึงติดต่อขอเอาโค้ดไปใช้บ้าง และนำไปพัฒนาต่อ ในลักษณะของ Open Source ภายหลังมีความนิยมขึ้นเป็นอย่างมากภายใน 3 ปีมีเว็บไซต์ที่ใช้ PHP/FI ในติดต่อฐานข้อมูลและแสดงผลแบบ ไดนามิกและอื่นๆ มากกว่า 50000 ไซต์   by ทีมงานคนร้อยเอ็ด และ รถมือสอง  อ่านต่อคลิ๊ก>>>
PHP เป็นภาษาสคริปต์ที่ประมวลผลที่ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ แล้วส่งผลลัพธ์ไปแสดงผลที่ฝั่งไคลเอ็นต์ผ่านบราวเซอร์เช่นเดียวกับ CGI และ ASP ต่อมาเมื่อมีผู้ใช้มากขึ้นจึงมีการร้องขอให้มีการพัฒนาประสิทธิภาพของ PHP/FI ให้สูงขึ้น Rasmus Lerdorf ก็ได้ผู้ที่มาช่วยพัฒนาอีก 2 คนคือ Zeev Suraski และ Andi Gutmans ชาวอิสราเอล ซึ่งปรับปรุงโค้ดของ Lerdorf ใหม่โดยใช้ C++ ต่อมาก็มีเพิ่มเข้ามาอีก 3 คน คือ Stig Bakken รับผิดชอบความสามารถในการติดต่อ Oracle, Shane Caraveo รับผิดชอบดูแล PHP บน Window 9x/NT, และ Jim Winstead รับผิดชอบการตรวจ ความบกพร่องต่างๆ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น Professional Home Page
PHP3 ได้ออกสู่สายตาของนักโปรแกรมเมอร์เมื่อ มิถุนายน 1998 ที่ผ่านมาในเวอร์ชั่นนี้มีคุณสมบัติเด่นคือสนับสนุนระบบปฏิบัติการทั้ง Window 95/98/ME/NT, Linux และเว็บเซร์ฟเวอร์ อย่าง IIS, PWS, Apache, OmniHTTPd สนับสนุน ระบบฐานข้อมูลได้หลายรูปแบบเช่น SQL Server, MySQL, mSQL, Oracle, Informix, ODBC
เวอร์ชั่นล่าสุดในปัจจุบันคือ PHP4 ซึ่งได้เพิ่ม Functions การทำงานในด้านต่างๆให้มากและง่ายขึ้นโดย Zend ซึ่งมี Zeev และ Andi Gutmans ได้ร่วมก่อตั้งขึ้น ( http://www.zend.com ) ในเวอร์ชั่นนี้จะเป็น compile script ซึ่งในเวอร์ชั่นหน้านี้จะเป็น embed script interpreter ในปัจจุบันมีคนใช้ PHP สูงกว่า 5,100,000 sites แล้วทั่วโลก ผู้พัฒนาได้ตั้งชื่อของง PHP ใหม่ว่า PHP: Hypertext Preprocessor ซึ่งหมายถึงมีประสิทธิภาพระดับโปรเฟสเซอร์สำหรับไฮเปอร์เท็กซ์
ความสามารถของ PHP นั้นในความสามารถพื้นฐานที่ภาษาสคริปต์ทั่วๆไปมีนั้น PHP ก็มีความสามารถทำได้ทัดเทียมเช่นเดียวกันเช่น การรับข้อมูลจากฟอร์ม, การสร้าง Content ในลักษณะ Dynamic, รับส่ง Cookies, สร้าง, เปิด, อ่าน และปิดไฟล์ในระบบ, การรองรับระบบจัดการฐานข้อมูลมากมายดังนี้
Adabas D Ingres Oracle (OCI7 and OCI8)
Dbase InterBase Ovrimos
Empress FrontBase PostgreSQL
FilePro (read-only) mSQL Solid
Hyperwave Direct MS-SQL Sybase
IBM DB2 MySQL Velocis
Informix ODBC Unix dbm
แต่ตัวจัดการฐานข้อมูลที่ทาง NINETO E-MAGAZINE ONLINE เลือกมาใช้ในบทความนี้คือ MySQL เหตุที่เลือกตัวนี้คือ เป็นที่นิยมกว้างขว้างและประเด็นหนึ่งที่จะต้องพิจารณาคือ Free เพราะ MySQL จัดเป็น Software ประเภท Freeware รองรับ OS ได้หลายระบบด้วยกัน ท่านสามารถดาวน์โหลดได้ที่หน้า Download ซึ่งเราได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว
Protocol Support ความสามารถในการรองรับโปรโตคอลหลายแบบทั้ง IMAP, SNMP, NNTP, POP3, HTTP และยังมีไลบารีสำหรับติดต่อ กับแอพพลิเคชั่นได้มากมาย มีความยืดหยุ่นสูงสามารถนำไปสร้างแอพพลิเคชั่นได้หลากหลาย และอีกข้อดีหนึ่งที่โดเด่นคือของ PHP ก็คือสามารถแทรกลงในแท็ก HTML ในตำแหน่งใดก็ได้

การใช้งาน PHP (PHP Hypertext Preprocessor) 


             เนื่องจากว่า PHP ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัว Web Server ดังนั้นถ้าจะใช้ PHP ก็จะต้องดูก่อนว่า Web server นั้นสามารถใช้สคริปต์ PHP ได้หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น PHP สามารถใช้ได้กับ Apache WebServer และ Personal Web Server (PWP) สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows 95/98/NT
ในกรณีของ Apache เราสามารถใช้ PHP ได้สองรูปแบบคือ ในลักษณะของ CGI และ Apache Module ความแตกต่างอยู่ตรงที่ว่า ถ้าใช้ PHP เป็นแบบโมดูล PHP จะเป็นส่วนหนึ่งของ Apache หรือเป็นส่วนขยายในการทำงานนั่นเอง ซึ่งจะทำงานได้เร็วกว่าแบบที่เป็น CGI เพราะว่า ถ้าเป็น CGI แล้ว ตัวแปลชุดคำสั่งของ PHP ถือว่าเป็นแค่โปรแกรมภายนอก ซึ่ง Apache จะต้องเรียกขึ้นมาทำงานทุกครั้ง ที่ต้องการใช้ PHP ดังนั้น ถ้ามองในเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน การใช้ PHP แบบที่เป็นโมดูลหนึ่ง
ของ Apache จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า


รูปแบบการเขียน PHP (PHP Hypertext Preprocessor) 


            การเขียนโค้ด เราสามารถเขียนได้จากโปรแกรม Editor ทั่วไปเช่น Notepad หรือ Editplus แน่นอนที่สะดวกที่สุดคงจะไม่พ้น Notepad เพราะแถมมากับ window อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการความสามารถและ Options ที่เพิ่มขึ้นก็แนะนำว่าโปรแกรม Editplus ใช้ได้ดีทีเดียว
           รูปแบบการเขียน PHP เขียนได้ 4 แบบดังตัวอย่าง ที่นิยมคือแบบที่ 1 และ 2 แบบที่ 3 ใช้งานคล้ายกับ Java script  ส่วนแบบที่ 4 ตัว tag <% จะเหมือนกับ ASP โดยเมื่อรันจะได้ผลลัพธ์เหมือนกัน และสามารถแทรกลงในส่วนของภาษา HTML ส่วนใดก็ได้

1.การเขียนโค้ดในรูปแบบภาษา SGML จะมีรูปแบบดังนี้
<?
คำสั่งในภาษา PHP ;
?>
2. การเขียนโค้ดเพื่อใช้ร่วมกับภาษา XHTML หรือ XML (แต่สามารถใช้ใน HTML แบบปกติได้) จะมีรูปแบบดังนี้
<?php
คำสั่งในภาษา PHP ;
?>
3. การเขียนโค้ดในรูปแบบ JavaScript จะมีรูปแบบดังนี้
<Script Language=”php”>
คำสั่งในภาษา PHP ;
</Script>
4. การเขียนโค้ดในรูปแบบ ASP จะมีรูปแบบดังนี้
<%
คำสั่งในภาษา PHP ;
%>

       * สำหรับรูปแบบที่ 4 จะใช้ได้กับ PHP 3.0.4 ขึ้นไป และจะต้องไปแก้ไฟล์ php.ini ในโฟลเดอร์ C:\WINDOWS เสียก่อนโดยให้ asp_tags มีค่าเป็น On
         การเขียนสคริปต์ PHP ในรูปแบบใดก็ตามจะต้องมีเครื่องหมาย semicolon ( ; ) ลงท้ายคำสั่งเสมอเหมือนกับการเขียนภาษา C กับภาษา Perl และคำสั่งหรือฟังก์ชั่นในภาษา PHP จะเขียนด้วยตัวพิมพ์เล็กหรือพิมพ์ใหญ่ก็ได้ ( case-insensitive ) การจบ statement หรือสิ้นสุด script เราจะปิดท้ายสคริปต์ด้วยแท็ก ( ?> ) และคำสั่งสุดท้ายในสคริปต์นั้นจะลงท้ายด้วย semicolon ( ; ) หรือไม่ก็ได้เพราะจะถูกปิดด้วยแท็ก ( ?> ) อยู่แล้ว

นอกจากรูปแบบแล้ว การวาง code ผสมกับ HTML ก็เป็นวิธีหนึ่ง

<html>
<head>
<title>Example</title>
</head>
<body>
<?php
echo “Hi, I’m a PHP script!”;
?>
</body>
</html>

Comment (การเขียนคำอธิบายโปรแกรม)

การเขียนโปรแกรมที่มีความยาวและซับซ้อนมากๆอาจจะทำให้สับสนในภายหลังได้ วิธีที่นิยมกันก็คือการเขียนคำอธิบายไว้ท้ายคำสั่งนั้นๆ หรือที่เรียกกันว่า comments ใน PHP จะสามารถเขียนในรูปแบบของภาษา C, C++ และ Unix shell-style comments ได้โดยจะไม่นำมาประมวลผล จะเห็นแค่ใน souce code เท่านั้น
รูปแบบ
<?php
echo “This is a test”;         // comment  แบบ C++
/* แบบนี้เป็นการ comments
แบบหลายบรรทัด จะใช้ในกรณี
ที่คำอธิบายเยอะ*/
echo “This is yet another test”;
echo “One Final Test”;      # comment แบบ Unix shell-style
?>
ข้อควรระวัง PHP ไม่รับ Comment แบบ nest
<?php
/*
echo “This is a test”; /* comment ตัวนี้จะมีปัญหา */
*/
?>

คำสั่งแสดงผล

เราสามารถใช้คำสั่งเพื่อแสดงผลได้ 3 แบบคือ
1. echo
2. print
3. printf
1. คำสั่ง Echo จะสามารถแสดงได้หลายประเภท เช่น
<?php
echo ” ทดสอบการใช้คำสั่ง echo “;
?>
นี่เราลองมาดูความสามารถอีกอย่างของคำสั่ง echo กันคือความสามารถในการแยกนิพจน์ หรือค่าตัวแปรได้ โดยจะใช้เครื่องหมาย , คั่น
<?php
echo ” ทดสอบการใช้คำสั่ง echo<br> ” ;
echo ” <b>10+20 = ” , 15+15 , “</b>” ;
?>
สังเกตคำสั่ง echo “<b> 10+20 = ” , 15+15 , “</b>” ; ผมได้ใช้เครื่องหมาย , คั้นระหว่าง “<b> 10+20 =” และ “</b>” ไว้เพื่อให้โปรแกรมแยกส่วนที่เราต้องการให้มันแสดงออกทางหน้าแบบธรรมดากับส่วนที่เราต้องการให้โปรแกรมทำการคำนาณให้เรานั้นคือ 15+15 เมื่อคำนวณแล้วจะได้ค่า 30 โปรแกรมจะนะค่าที่ได้จากการคำนวณมาแสดงแทน ส่วนแท็ก <br> และ <b>…</b> นั้นเป็นแท็ก HTML ธรรมดาซึ่งผมใส่ไว้เพื่อทำให้การแสดงผลสวยงามขึ้น
<?php
echo “ทดสอบการใช้คำสั่ง echo ” ;
echo ” 10+20 = ” , 15+15 ;
?>
2. คำสั่ง print
<?php
print ” ทดสอบการใช้คำสั่ง print ” ;
?>
3. คำสั่ง Printf
ในการใช้คำสั่ง printf เราจะต้องทราบชนิดของข้อมูลที่เราต้องการแสดงออกมาว่าเป็นชนิดใด เราจะได้กำหนดค่าลงไปถูงต้องดังนี้
%d     ตัวเลข
%o       เลขฐานแปด
%c       ข้ออักษร ( 1 ตัว )
%s       ข้อความ
%f       ทศนิยม
<?php
printf ( ” 15+15 = %d <br> ” , 15+15) ;
printf ( ” 20/3 = %d <br> ” , 20/3 ) ;
printf ( ” 20/3 = %f <br> ” , 20/3 ) ;
?>
สังเกตคำสั่งที่ 2 และ 3 ให้ดีนะครับ เราได้ใช้ตัวคำนวณเหมือนกันแต่กำหนดชนิดของข้อมูลไม่เหมือนกัน โดยคำสั่งที่ 2 ผมได้กำหนดชนิดข้อมูลเป็น %d แต่ในคำสั่งที่ 3 ได้กำหนดชนิดเป็น %f ผลที่ได้ก็จะแตกต่างการกันครับ
String
แบ่งตามลักษณะตัวปิดแบ่งออกเป็น 3 แบบคือ
• single quoted
• double quoted
• heredoc syntax (ไม่อธิบาย)
Single Quoted
ตัวแปร ที่อยู่ภายใต้ single quoted ถือเป็นข้อความด้วย
echo ’this is a simple string’;
echo ’You can also have embedded newlines in strings,
like this way.’;
echo ’Arnold once said: “I\’ll be back”’;   // output: … “I’ll be back”
echo ’Are you sure you want to delete C:\\*.*?’;      // output: … delete C:\*.*?
echo ’Are you sure you want to delete C:\*.*?’;        // output: … delete C:\*.*?
echo ’I am trying to include at this point: \n a newline’; // output: … this point: \n a newline
Double Quoted

การใช้ double quoted สามารถใช้ร่วมกับ escaped characters ได้ดังตาราง

Escaped characters sequence meaning
\n linefeed (LF or 0x0A (10) in ASCII)
\r carriage return (CR or 0x0D (13) in ASCII)
\t horizontal tab (HT or 0×09 (9) in ASCII)
\\ backslash
\$ dollar sign
\” double-quote
\[0-7]{1,3} the sequence of characters matching the regular expression is a character in octal notation
\x[0-9A-Fa-f]{1,2} the sequence of characters matching the regular expression is a character in hexadecimal notation

ข้อควรระวังในการใช้ งาน

$beer = ’Heineken’;
echo “$beer’s taste is great”; // works, “’” is an invalid character for varnames
echo “He drunk some $beers”; // won’t work, ’s’ is a valid character for varnames
echo “He drunk some ${beer}s”; // works
Simple syntax
$fruits = array( ’strawberry’ => ’red’ , ’banana’ => ’yellow’ );
echo “A banana is $fruits[banana].”;
echo “This square is $square->width meters broad.”;
echo “This square is $square->width00 centimeters broad.”; // won’t work,
// for a solution, see the complex syntax.
Complex syntax
$great = ’fantastic’;
echo “This is { $great}”; // won’t work, outputs: This is { fantastic}
echo “This is {$great}”; // works, outputs: This is fantastic
echo “This square is {$square->width}00 centimeters broad.”;
echo “This works: {$arr[4][3]}”;
echo “This is wrong: {$arr[foo][3]}”; // for the same reason
// as $foo[bar] is wrong outside a string.
echo “You should do it this way: {$arr[’foo’][3]}”;
echo “You can even write {$obj->values[3]->name}”;
echo “This is the value of the var named $name: {${$name}}”;

ตัวอย่างการใช้งาน String

<?php
$str = “This is a string”;    /* การกำหนดค่าให้กับ string. */
$str = $str . ” with some more text”;        /* ต่อข้อความกับตัวแปร */
$str .= ” and a newline at the end.\n”; /* ต่อข้อความกับตัวแปร อีกรูปแบบหนึ่ง และใช้ escaped newline. */
/* This string will end up being ’<p>Number: 9</p>’ */
$num = 9;+
$str = “<p>Number: $num</p>”;
/* This one will be ’<p>Number: $num</p>’ */
$num = 9;
$str = ’<p>Number: $num</p>’;
/* Get the first character of a string */
$str = ’This is a test.’;
$first = $str{0};
/* Get the last character of a string. */
$str = ’This is still a test.’;
$last = $str{strlen($str)-1};
?>
Variable Scope
PHP โดยส่วนใหญ่ตัวแปรจะเป็นแบบ Single scope ดังแสดงตามตัวอย่าง
$a = 1;
include “b.inc”;
ตัวอย่าง การใช้ตัวแปร global และ local
แบบที่1 ตัวแปร a มีค่าต่างกัน
$a = 1; /* global scope */
Function Test () {
echo $a; /* reference to local scope variable */
}
Test ();

แบบที่ 2 การใช้ตัวแปร a และ b

$a = 1;
$b = 2;
Function Sum () {
global $a, $b;
$b = $a + $b;
}
Sum ();
echo $b;
HTML FORM
<form action=”foo.php” method=”post”>
Name: <input type=”text” name=”username”><br>
<input type=”submit”>
</form>
pass by reference
function add_some_extra(&$string) {
$string .= ’and something extra.’;
}
$str = ’This is a string, ’;
add_some_extra($str);
echo $str; // outputs ’This is a string, and something extra.’
PostgreSQL ใน PHP
int pg_connect (string host, string port, string options, string tty, string dbname)
ตัวอย่าง
$dbconn3 = pg_Connect (“host=sheep port=5432 dbname=mary user=lamb password=baaaa”);
pg_close
bool pg_close (int connection)
pg_cmdtuples
Returns number of affected tuples
int pg_cmdtuples (int result_id)
pg_exec
Execute a query
int pg_exec (int connection, string query)
pg_result
Returns values from a result identifier
mixed pg_result (int result_id, int row_number, mixed fieldname)
pg_freeresult
Free result memory
int pg_freeresult (int result_id)

ตัวอย่างการใช้งาน

<?
function getAuthorID($dbconn) {
$sql = “select nextval(‘authors_author_id_seq’)”;
$result = pg_exec($dbconn,$sql);
return pg_result($result,0,0);
}
function insertAuthor($dbconn,$aid,$title,$fname,$lname,$mail,$usr) {
$sql = “insert into authors (author_id, author_title, author_fname, author_lname, author_email, a_user_name) values (‘$aid’, ‘$title’, ‘$fname’, ‘$lname’, ‘$mail’, ‘$usr’) “;
$result = pg_exec($dbconn,$sql);
$err =  pg_cmdtuples($result);
return $err;
}
$sql = “SELECT paper_id,trim(paper_title) as p_title, trim(abstract) as p_abstract,
FROM papers
WHERE paper_id = ‘$p_paper_id’ “;
$row = 0;
$rs = pg_exec($km_connect,$sql);
$p_title = pg_result($rs,$row,p_title);

$p_abstract = pg_result($rs,$row,p_abstract);       ?>

โปรแกรมเมอร์กากกากก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ที่มาดูได้จากท้ายบทความนะจ่ะ

PHP | VB | HTML | Javascript | JQuery | SQL | Computer | CSSIT


ที่มา :http://jumparm.wordpress.com

ทิคนิคทำ Flash Drive ปลอดจากไวรัส Computer


ทิคนิคทำ Flash Drive  ปลอดจากไวรัส Computer


ทิคนิคทำ Flash Drive  ปลอดจากไวรัส Computer


กลับมาอีกแล้วกับ โปรแกรมเมอร์กากกาก  วันนี้จะมานำเสนอเทคนิคที่ทำให้ Flash Drive ของคุณปลอดภัยจากไวรัส Computer   Flash Drive ถือว่าเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมก็ว่าได้ เพราะปัจจุบันหากใครมีคอมพิวเตอร์หรือเล่นคอมอยู่เป็นประจำก็จะมีติดตัวไว้  เพราะช่วยให้การทำงานต่างๆง่ายขึ้น  เพราะสามารถพกพาไปไหนต่อไหนก็ได้  แต่การพกพาไปไหนต่อไหนนั้น  เราก็อาจจะนำไวรัสติดมาจากที่อื่นก็เป็นได้  เพราะส่วนใหญ่ในเครื่องสาธารณะหรือร้านเกมส์(อันนี้โปรแกรมเมอร์กากกากโดนมาเองกับตัวเมื่อเร็วๆนี้  ข้อมูลใน Flash Drive หายหมดเลย เพราะไป Copy งานที่ร้านเกมส์แห่งหนึ่ง)  เมื่อใช้ Flash Drive  Save งาน หรือ Copy ในเครื่องที่มีความเสียงสูง  ก็จะมีโอกาส นำพาไวรัสมาสู่เครื่อง Coputer ส่วนตัวเราได้  โปรแกรเมอร์กากกาก จึงเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพราะ ว่าเจอมากับตัวเอง 555+  เราลองมาดูวิธีกันเลย



วิธีที่ไวรัสเข้าไปฝังตัวอยู่ใน Flash Drive 


เมื่อเสียบ Flash Drive เข้ากับคอมพิวเตอร์ที่มีไวรัสอยู่ ไวรัสจะแพร่กระจายตัวเอง โดยการเขียนตัวเองพร้อมกับเขียนไฟล์ ที่มีชื่อว่า Autorun.int ลงบน Flash Drive ซึ่ง File นี้จะเป็นตัวบอกให้ Windows เรียกโปรแกรมทำงานอัตโนมัติและพร้อมที่จะแพร่กระจายตัวเอง เมื่อเรานำ Flash Drive ไปเสียบกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องต่อไป

วิธีป้องกัน Flash Drive ให้ปลอดภัยจากไวรัสได้ดังนี้


1.เปิด My Computer เข้าสู่ Flash Drive ที่ปราศจากไวรัส   แล้วคลิกขวาพื้นที่ว่างๆ แล้วเลือก NEW ตามต่อด้วย Folder ตามภาพ


ทิคนิคทำ Flash Drive  ปลอดจากไวรัส Computer




2 .พิมพ์ชื่อ Folder ว่า Autorun.inf ขอย้ำว่าชื่อ Folder ไม่ใช่ชื่อ File ซึ่งวิธีนี้อาจทำให้ไวรัสรู้สึกหงุดหงิด เนื่องจากมันไม่สามารถสร้าง File ชื่อ autorun.inf ได้อีกต่อ ดังภาพต่อไปนี้


ทิคนิคทำ Flash Drive  ปลอดจากไวรัส Computer



และเราสามารถ Folder นี้ไว้ด้วย เพื่อไม่ให้เราเผลอลบทิ้งไป ซึ่งการซ่อนมีขั้นตอนดังนี้

1.คลิกขวาที่ Folder autorun.inf แล้วเลือก Properties
2.คลิกเลือก Hidder
3.คลิกปุ่ม OK  ดังภาพต่วอย่าง


ทิคนิคทำ Flash Drive  ปลอดจากไวรัส Computer


ทิคนิคทำ Flash Drive  ปลอดจากไวรัส Computer


เพียงแค่นี้  Flash Drive ของก็จะปลอดจากไวรัส Computer ได้ระดับนึ่งแล้วนะครับ   หวังว่าคงเป็นประโยชน์นะครับ  วันนี้ โปรแกรมเมอร์กากกาก ก็ขอลาไปก่อนครับ

PHP | VB | HTML | Javascript | JQuery | SQL | Computer | CSSIT

ที่มา : http://guru.sanook.com


ป้ายกำกับ

การใช้ PHP ติดต่อฐานข้อมูล MYSQL ในรูปแบบ Class เขียนโปรแกรม คอมพิวเตอร์ ทิคนิคทำ Flash Drive ปลอดจากไวรัส Computer เทคนิก การสลับสีตารางด้วย PHP เทคนิก selected php โปรแกรมเมอร์หมายถึง พิกัด ค่า latitude และ longitude ใน Google Map จากการคลิก รวมคำสั่ง Dos ละติจูดลองติจูด วิธทำให้ computer boot windows 7 เร็วขึ้น วิธีการแชร์อินเตอร์เน็ต(Internet) Wireless วินโดว์ 7(Windows 7) วิธีแก้ไวรัส ซ่อนไฟล์ แฟลชไดรฟ์ วิธีแก้ IDM(INTERNET DOWLOAD MANAGER)เด้งฟ้อง เด้งเตือน วิธีแชร์ปริ้นเตอร์บนวินโดว์8 (windows8) วิธีทำ Flashdrive boot Windows จากไฟล์ ISO วิธีล้างหัวพิมพ์ printer canon วิธีส่ง อีเมล์ ด้วย PHP (PHP Send email) สอนทำตัว Setup VB 2008 add printer ไม่ได้ และ Printer Error boot windows 7 เร็วขึ้น computer CSS CSS เบื้องต้น (การใช้ Css เพื่อให้ Table ดูดีขึ้น) CSS พื้นฐาน Flash Drive HTML IDM IT javascript Javascript เช็คค่าตัวเลข Javascript เช็คค่าว่าง javascript เช็ค Email ไม่ถูกต้อง javascript หาตำแหน่ง ละติจูด ลองติจูด ปัจจุบันที่เราอยู่ JQuery JQuery คือ jquery เช็คค่าว่าง Jquery dialog or popup(เจคิวรี่ ไดอะล็อก หรือ ป๊อปอัพ) JQuery dynamic texbox jQuery Effects PHP PHP เบื้องต้น PHP และ CSS Dynamic HTML Web pages using ตอนที่ 1 PHP connect Database และ Select ข้อมูลเบื้องต้น PHP DELETE ข้อมูล PHP MySQL กับ Login Form แบบใช้ session PHP OOP PHP upload รูปภาพ printer sharing printer SQL SQL สร้างฐานข้อมูล VB VB 2008 โปรแกรมดูทีวีออนไลน์ vb 2008 connect database oracle Windows Windows7 แก้ปัญหา Set Printer